นายรังสิน กฤตลักษณ์ กรรมการบริหาร และ ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ( มหาชน ) ได้เปิดเผยว่า จากที่บริษัทฯ ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ณ ห้องบอลรูม โรงแรม อีสติน มักกะสัน กรุงเทพ โดย นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ เป็นประธานที่ประชุม พร้อมด้วย คณะกรรมการและผู้บริหาร โดยในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้รับทราบข้อมูลกรณี บริษัทฯมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้สำหรับปีบัญชีสิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2554 เป็นจำนวน 4,840 ล้านบาท และได้จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2554 เป็นจำนวน 721ล้านบาทแล้ว จึงมีมติให้ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 อีกจำนวน 1,295 ล้านบาท หรือเท่ากับ 0.02264 บาทต่อหุ้น ( 2.264 สตางค์ต่อหุ้น ) โดยมีกำหนดจะจ่ายเงินปันผลดังกล่าว ในวันที่ 5 สิงหาคม 2554 รวมแล้ว บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผลทั้งสองครั้งในปีบัญชีที่ผ่านมา เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,015 ล้านบาท

นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการอนุมัติลดทุนการจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 2,504 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.64 บาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 49,420 ล้านบาท เป็น 47,818 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยกเลิกหุ้นที่ออกเพื่อรองรับการจัดสรรให้แก่กลุ่มนักลงทุนเฉพาะเจาะจง และในการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก จำนวน 64 ล้านบาท จากเดิมทุนจดทะเบียน จำนวน 47,818 ล้านบาท เป็น จำนวน 47,882 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีก จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.64 บาท เพื่อใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ตามโครงการ โครงการ BTS Group ESOP 2011 ที่ได้จัดให้แก่พนักงานที่ทำคุณประโยชน์ของบริษัทฯ และ บริษัทย่อย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานของบริษัทฯ และสร้างแรงจูงใจเพื่อให้พนักงานร่วมกันทุ่มเทสร้างความเจริญเติบโตในอนาคตของบริษัทฯและบริษัทย่อย เพื่อในที่สุดผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัท จะประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ทั้งหมด

สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ออกให้แก่พนักงานของ บริษัทฯ และบริษัทย่อยครั้งที่ 1 ชนิด ระบุชื่อผู้ถือและโอนเปลี่ยนมือไม่ได้ มีอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ 5 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ เริ่มใช้สิทธิได้ในปีที่สามเป็นต้นไป ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิ ซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคา 0.70 บาทต่อหุ้น