บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดบิสซิเนสโมเดลใหม่สร้างแบรนด์ ''แอ็บสแตร็กส์'' ในหมวดพร็อพเพอร์ตี้ ดึงทุกธุรกิจในกลุ่มเอื้อประโยชน์แก่ทุกกลุ่มเป้าหมายตามแนวคิด ''ซิตี้ โซลูชั่นส์''
กลับกรุงเทพฯ - บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เดินเครื่องเต็มพิกัด เปิดตัวบิสซิเนสโมเดลใหม่ พร้อมสร้างแบรนด์ “แอ็บสแตร็กส์” อยู่ใหมวดพร็อพเพอร์ตี้ พร้อมดึง 4 ธุรกิจในกลุ่ม ร่วมเอื้อประโยชน์สูงสุด ตอบสนองการใช้ชีวิตตามแนวคิด “ซิตี้ โซลูชั่นส์” มุ่งเจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ผู้บริโภค นักลงทุน และผู้ร่วมลงทุน (Joint Venture) มั่นใจโมเดลใหม่นี้จะดึงความสนใจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทุกกลุ่มเป้าหมาย
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เสร็จสิ้นและเปลี่ยนชื่อ บริษัทเป็น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทฯ ได้เปิดตัวบิสซิเนสโมเดลในรูปแบบใหม่ โดยแบ่งโครงสร้างการดำเนินธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจดำเนินการระบบขนส่งมวลชน หรือ ธุรกิจแมสทรานซิท ซึ่งประกอบด้วย รถไฟฟ้าบีทีเอสในปัจจุบัน และส่วนเชื่อมต่อขยายในอนาคต รวมถึงการได้รับสัมปทานในการบริหารจัดการและการเดินรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที 2. กลุ่มธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณา (วีจีไอ) ซึ่งอยู่ในพื้นที่บีทีเอส และบริเวณร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ทั่วไป อาทิ เทสโก้โลตัส คาร์ฟู บิ๊กซี และวัตสัน รวมถึงการโฆษณาภายในอาคารและสำนักงานต่างๆ 3. กลุ่มธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีทั้งการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ทำเลทองอื่นๆ เช่น ธนาซิตี้ บางนา-ตราด กม.14 เขาใหญ่ และภูเก็ต 4. กลุ่มธุรกิจให้บริการ อาทิ ธุรกิจบริหารโรงแรม ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจ E-money ซึ่งเป็นบริการระบบการใช้จ่ายในระดับย่อยแบบ e-payment โดยได้พัฒนาระบบตั๋วร่วม หนึ่งเดียวในประเทศไทย ระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที ซึ่งสามารถขยายไปสู่ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ รวมถึง ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการและการท่องเที่ยวได้ โดยคาดว่าระบบนี้จะสามารถเริ่มให้บริการได้ในกลางปี 2554 ซึ่งตั๋วร่วมในลักษณะนี้ได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จมาแล้ว ในหลายประเทศ
บริษัทฯ มุ่งหวังให้การดำเนินงานของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจนี้ สามารถดำเนินงานสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนกรุงทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้สร้างแบรนด์ “แอ็บสแตร็กส์” ขึ้น ให้อยู่ในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยให้เป็นแบรนด์ที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่พักอาศัยในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า กลุ่มนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจให้เช่า ที่พักอาศัยในโครงการที่ดำเนินงานโดยแอ็บสแตร็กส์ และกลุ่มผู้ร่วมลงทุนหรือ จ๊อยท์ เวนเจอร์ (Joint Venture) ซึ่งได้แก่ ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินเอง และต้องการให้แอ็บสแตร็กส์เข้ามาพัฒนาที่ดินให้ หรือแม้แต่ดีเวลล็อบเปอร์ที่เป็นเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้วก็ตาม ก็สามารถเข้ามาร่วมลงทุนร่วมกับแอ็บสแตร็กส์ได้ด้วย เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดเช่นกัน” นายคีรีกล่าว
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมถึงประโยชน์ที่ได้รับจากเแอ็บสแตร็กส์ อาทิ การได้รับบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งสามารถใช้บริการโดยสารในรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นระยะเวลา 10 ปี ฟรี ซึ่งบัตรนี้จะถือเป็นบัตรที่เป็นเอกสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของโครงการแอ็บสแตร็กส์ ผู้เป็นเจ้าของบัตรสามารถใช้ประโยชน์จากบัตรเองก็ได้ หรือจะโอนสิทธิการใช้บริการให้แก่ผู้ที่มาเช่าห้องของตนก็ได้ หรือจะทำการโอนเปลี่ยนเอกสิทธิ์การถือครองบัตรไปสู่ผู้อื่นก็ได้
นายกวิน กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ “แอ็บสแตร็กส์ - Abstracts” ในเบื้องต้น มีแผนที่จะเปิดตัว 2 โครงการแรก มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ได้แก่ “แอ็บสแตร็กส์ พหลโยธิน พาร์ค (Abstracts Phahonyothin Park)” คอนโดมิเนียมสไตล์โมเดิร์น 3 อาคาร สูง 34 ชั้น จำนวนรวมกว่า 3,000 ห้อง ซึ่งคาดว่าเฟสแรกจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2554 และ “แอ็บสแตร็กส์ สุขุมวิท (Abstracts Sukhumvit)” ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ซอย 66/1 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข เป็นห้องชุดดีไซน์หรูร่วมสมัยในสไตล์โมเดิร์น แบบโลว์-ไรซ์ (Low-rise) สูง 5 ชั้น 4 อาคาร จำนวนรวม 112 ห้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน ปี 2554
“ทั้ง 2 โครงการ บริษัทฯ ได้พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างร่วมกับบริษัทก่อสร้างชั้นนำในเครือนิวเวิลด์ของฮ่องกง คือ “บริษัท ฮิบเฮง คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด – Hip Hing” ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีจุดเด่นที่แตกต่างและเหนือกว่าโครงการคอนโดมิเนียมอื่นๆ มาก คือ นอกจากจะอยู่ใกล้แมสทรานซิทของกรุงเทพฯ ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีแล้ว โครงการนี้ยังได้รับการออกแบบและดีไซน์โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก โดยได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญการออกแบบและตกแต่งภายในเฉพาะแต่ละโครงการ อาทิ บริษัท สปา เอ จำกัด (Spa+A) ซึ่งได้รับรางวัลการออกแบบสถาปัตยกรรมภายในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ประเภทรีสอร์ทและโรงแรม มาร่วมออกแบบในโครงการที่สุขุมวิท และที่สำคัญ “แอ็บสแตร็กส์” ได้มอบสิทธิพิเศษในการครอบครองบัตรใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสฟรีเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญของกลยุทธ์การตลาด บริษัทฯเชื่อมั่นว่าแบรนด์แอ็บสแตร็กส์จะสามารถขยายการเติบโตได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับแบรนด์ยู “ยู โฮเทล” ที่ปัจจุบันสามารถขยายเครือข่ายได้ถึง 38 แห่งทั่วภูมิภาค” นายกวินกล่าวในที่สุด