โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซประกาศจบการศึกษานักเรียนรุ่นแรก 50 มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกตอบรับให้ศึกษาต่อทันที

กลับ

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ จัดพิธีจบการศึกษาอย่างเป็นทางการ ให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (เกรด 12) รุ่นแรกของโรงเรียนจำนวน 7 คน ได้แก่ นางสาวภริม ภิงคารวัฒน์, ปลายฟ้า เคียวกะ โชติรัตน์, นางสาวอชิรญา หลิมพานิช, นางสาวยี่หรุ่ย หวง, นายนรวิช จำรัสผลเลิศ, นายศรัณย์กร พยุงวาทเศรษฐ์ และนางสาวโม โม ลวิน โดยมีนางสาวธิดา ศรีจิรารัตน์ ผู้อำนวยกาอาวุโส ประจำสำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายกัมพล รวยป้อม ประธานคณะกรรมการบริหาร,นายชาร์เมียน เหลียง ผู้แทนคณะกรรมการบริหาร, นายเชสเตอร์ เหลียง ผู้บริหารงานฝ่ายปฎิบัติการ, นางสาวธัญลักษณ์ ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ, นายไรอัน เพอร์ซอด ครูใหญ่ และนายแจเรจ วอยทิลลา หัวหน้าครู Upper Loop โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ให้เกียรติเข้าร่วมพิธี

นายไรอัน เพอร์ซอด ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ เปิดเผยว่า นับเป็นเวลา 4 ปี ที่โรงเรียนได้เปิดสอนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่โรงเรียนแห่งนี้ ได้ดำเนินการเปิดสอนหลักสูตรที่มีคุณภาพ และสร้างสรรค์ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รุ่นแรกของโรงเรียนจำนวน 7 คน ได้จบการศึกษาอย่างเป็นทางการ และยังได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ทั่วโลกจำนวน 50 แห่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของนักเรียนที่ได้รับการตอบรับที่ดี จากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และต้องยกเครดิตให้กับนักเรียนทั้ง 7 คน ที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และทำโครงงานอย่างจริงจัง จนได้รับโอกาสเหล่านี้

โดยนอกเหนือจากทักษะการเรียน และการคิดวิเคราะห์ที่นักเรียนทุกคนจะได้ติดตัวไปจากโรงเรียนแห่งนี้แล้ว ทักษะในการใช้ชีวิต และการอยู่ร่วมกับสังคมก็เป็น สิ่งที่โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ หล่อหลอมให้กับนักเรียนเหล่านี้ เพื่อให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และยังสามารถนำทักษะที่หลากหลายไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิต และการเล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้น ตรงตามเป้าหมายของโรงเรียนที่ต้องการพัฒนานักเรียนเหล่านี้ ให้เป็น “พลเมืองของโลก (Citizen Designers)” ที่จะช่วยพัฒนาโลก ณ ปัจจุบัน และในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ เป็นการเรียนการสอนแบบอเมริกัน ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของรัฐนิวยอร์ก ด้วยการใช้วิธีเรียนรู้แบบ Interdisciplinary คือการบูรณาการความรู้ของหลาย ๆ วิชาเข้าด้วยกัน ผ่านการเรียน การสอนโดยใช้โครงงาน (Project-based Learning) ที่ส่งเสริมการออกแบบการเรียน การสอนให้สอดคล้องกับความสนใจของนักเรียนแต่ละคน ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ ในรูปแบบสหวิทยาการ เน้นทำกิจกรรม และโครงงานเป็นกลุ่มที่มีนักเรียนหลายช่วงวัย ซึ่งการเรียน และกิจกรรมในแต่ละวันจะถูกจัดสรรอย่างลงตัวเพื่อให้นักเรียนได้ปรึกษา และทำงานร่วมกับนักออกแบบการเรียนรู้ (Learning Designer) หรือ คุณครู รวมถึง การสอนหลัก Design Thinking เข้าไปอยู่ในกระบวนการทำโครงงานต่าง ๆ ซึ่งนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะต้องใช้ทักษะความรู้ที่ได้ทั้งหมด มาจัดทำโครงงาน ก่อนจบการศึกษา (VERTEX) และจัดแสดงผลงานต่อสาธารณะ

นอกเหนือจากหลักสูตรการเรียนที่มีความแตกต่างจากโรงเรียนนานาชาติ แห่งอื่นแล้ว ความพร้อมทางด้านอุปกรณ์ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ที่เอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกัน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มหลักสูตรการเรียนให้มีคุณภาพ มากยิ่งขึ้น อาทิ ห้องเรียนที่มีลักษณะแบบ Open Space, ห้องสตูดิโอ (Black Box Theater), ห้องซ้อมเต้น, ห้องดนตรี, สระว่ายน้ำในร่มขนาด 50 เมตรมาตรฐานโอลิมปิก, อาคารยิมเนเซียมขนาดใหญ่และศูนย์ออกกำลังกาย, สนามกีฬาระบบหญ้าเทียมผสม (Hybrid) และสนามบาสเกตบอล

นางสาวภริม ภิงคารวัฒน์ กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ มีความแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป และจะเน้นการสอนให้คิด วิเคราะห์ ให้ตรงกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ โดยเริ่มจากเป้าหมายเล็กไปใหญ่ เพื่อให้เกิดการพัฒนา และเติบโต พร้อมกับ การสร้างวินัย ซึ่งตนไปเรียนต่อที่ Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีความสนใจในด้านนี้เป็นพิเศษ และได้ทำโครงงาน จบการศึกษา ที่จะช่วยสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วคือ ฟองน้ำหูช้าง (Neptune’s Cup Sponge) ซึ่งปัจจุบันยังพบได้มากที่พัทยา

ปลายฟ้า เคียวกะ โชติรัตน์ ระบุว่า ตนต้องขอขอบคุณบีทีเอส กรุ๊ปฯ ที่ให้ทุนการศึกษา Ambassador Scholarship จนสามารถเรียนจบที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ แม้จะได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ตนขอเลือกพักการเรียนไว้ก่อน เพราะอยากเดินหน้าในฐานะนักเคลื่อนไหว และผลักดันพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมวุฒิสภา ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีกฎหมายแต่งงาน ของบุคคลเพศเดียวกัน

นางสาวอชิรญา หลิมพานิช กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้ มีจุดเด่นที่สำคัญคือ ครูทุกคน จะสนับสนุนเด็กนักเรียนในทุกด้าน ให้ทดลอง เรียนรู้ และลงมือทำ เมื่อผิดพลาดก็เริ่มใหม่ได้ พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งตนทำโครงงานจบการศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ เพราะชอบสื่อสารสิ่งที่คิดอยู่ในหัวให้คนอื่นเข้าใจได้ง่าย จนได้ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ Savannah College of Art and Design (SCAD) ประเทศสหรัฐอเมริกา

นางสาวยี่หรุ่ย หวง เปิดเผยว่า ตนได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ด้านจิตวิทยาและสุขภาพ เพราะมีความสนใจในด้านนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากมีหลายบุคคลที่ตนรู้จัก ต้องประสบกับปัญหาทางด้านสุขภาพจิต และบางราย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตนจึงได้ทำโครงงานจบการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รวมถึงสร้าง และคิดค้นกล่องเครื่องมือ Diverse Minds ร่วมกับ มหาวิทยาลัย จากออสเตรเลีย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต ซึ่งที่โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ก็ช่วยสนับสนุน ส่งเสริมให้ตนมีทักษะ และแนวคิด ในการพัฒนาโครงงานที่เป็นประโยชน์นี้ได้อย่างมาก

นายนรวิช จำรัสผลเลิศ กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้มุ่งเน้นการให้นักเรียนจัดทำโครงงานที่ตนเองสนใจ และเมื่อพบปัญหาก็สามารถปรึกษา และสอบถามครูได้ทันที ด้วยความพร้อมของอุปกรณ์การเรียน ทำให้มีโอกาสในการเรียนรู้มากขึ้น โดยเฉพาะด้านดนตรีที่ตนให้ความสนใจ ซึ่งตนจะไปเรียนต่อที่สหราชอาณาจักรในด้านนี้ เพราะได้ทำเพลงร่วมกับศิลปินบางรายมาแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าตนจะสามารถเติบโต และเรียนรู้ในเส้นทางด้านดนตรีได้มากขึ้น

นายศรัณย์กร พยุงวาทเศรษฐ์ ระบุว่า โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ สอนให้ตนมีความกล้าเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ และสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านการเป็นทูตนักเรียน (VERSO Ambassador) เพราะต้องสื่อสารกับผู้คนมากมาย อาทิ สื่อมวลชน ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาทำโครงงาน จบการศึกษาที่เป็น Art Exhibition จึงทำให้มีความมั่นใจที่จะถ่ายทอด และสื่อสารชิ้นงานออกไปในพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนทั่วไปได้รับชม ผ่านหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากชาวไทย และต่างประเทศ

นางสาวโม โม ลวิน กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้ นอกจากจะเป็นที่เรียนรู้ทักษะได้มากมายแล้ว ยังสอนให้เกิดการทำงานเป็นทีม และมีความเป็นผู้นำ ซึ่งทุกทักษะที่ได้เรียนรู้ จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของโครงงานได้เป็นอย่างดี และไม่ใช่การเรียนรู้แบบทั่วไป แต่เป็นการเรียนรู้แบบเจาะลึก และเข้าใจในโครงงานอย่างแท้จริง ซึ่งเป็น สิ่งที่หาได้ยากจากโรงเรียนแห่งอื่น เช่น การนำทักษะที่ได้เรียนรู้มาใช้กับการจัดแสดงศิลปะ Fast Fashion ที่ตนได้นำเสนอผ่านหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนทั่วไปได้รับชม และตระหนักรู้ว่า Fast Fashion เป็นปัญหาระดับโลก ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก จากการที่ผลิตเสื้อผ้าออกมาจำนวนมาก และเปลี่ยนคอลเลกชันอย่างรวดเร็ว ทั้งที่สามารถ Mix & Match เสื้อผ้าเหล่านั้นได้ ซึ่งหากเราแก้ไขปัญหานี้ได้ จะลดการสิ้นเปลืองทรัพยากรของโลก และส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน