บีทีเอส กรุ๊ปฯ พร้อมผลักดันระบบขนส่งทางรางสู่ Net Zero

กลับ

กรุงเทพฯ 26 กันยายน 2567 – บีทีเอส กรุ๊ปฯ เดินหน้าผลักดัน Net Zero Rail ชี้ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ กฎหมายไทยต้องรองรับ และให้การสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะเพื่อความยั่งยืน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการลดภาวะโลกร้อน ลดปัญหาจราจร มลพิษทางอากาศ และลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว

นายดาเนียล รอสส์ กรรมการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้ร่วมบรรยายเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งทางรางสู่ Net Zero ในงานสัมมนา Road to Net Zero 2024: The Extraordinary Green จัดโดยฐานเศรษฐกิจ ภายใต้หัวข้อ “นโยบายการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน” ณ ห้อง Royal Maneeya Ballroom โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านธุรกิจคมนาคมที่มีความยั่งยืนเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ผ่านรายงาน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2024 ได้ประกาศเจตนาเพื่อมุ่งสู่การเป็น Net Zero ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็น Net Zero ภายในปี 2611 (ค.ศ. 2065) ตามข้อตกลงปารีส

นายดาเนียล รอสส์ กล่าวว่า “เพื่อให้ Net Zero ในภาคขนส่งเกิดขึ้นได้ ภาครัฐจำเป็นต้องมีการปรับแผนใหม่ ด้วยการให้ระบบรถไฟฟ้าเป็นแกนหลัก เพราะรถไฟฟ้าเป็นระบบที่สะอาดกว่า มีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ และได้ประโยชน์จากความได้เปรียบที่สามารถผลิตได้มากขึ้น ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง หรือ Economies of Scale ดังนั้นภาครัฐต้องลงทุนในการขยายเครือข่ายระบบราง ทั้งแบบขนส่งผู้คน และสินค้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ พร้อมที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด หรือ Nationally Determined Contributions”

โดยตั้งแต่เปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในปี 2542 บีทีเอส กรุ๊ปฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างยั่งยืนและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำมาโดยตลอด พร้อมมีส่วนร่วมในการช่วยประเทศหลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนกว่า 2.1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากการเดินรถไฟฟ้าจำนวนกว่า 4,000 ล้านเที่ยวคน หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ จำนวน 222 ล้านต้น

ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นของบีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลก และสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงาน ภายใต้กรอบการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่รักษาความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3M : MOVE MIX และ MATCH พร้อมเชื่อว่าความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มอุตสาหกรรมจะเป็นแรงผลักดัน และช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป